น้ำผึ้งพระจันทร์ (น้ำผึ้งหลวงเดือนห้า)
น้ำผึ้งพระจันทร์ (น้ำผึ้งหลวงเดือนห้า)
"น้ำผึ้ง" เป็นหนึ่งในตำหรับอายุวัฒนะที่มีในตำราโบราณมาช้านาน หญิงงามทั้งหลายในตำนานล้วนแล้วแต่ดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำทุกวันเพื่อให้ผิวพรรณสดใส ผุดผ่อง ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย สุขภาพดี รวมทั้งยังมีสรรพคุณช่วยในการชะลอวัย สดใสคงความอ่อนเยาว์..
" น้ำผึ้งพระจันทร์" ผลิตภัณฑ์จากโครงการมูลนิธิอัตภ์พอเพียง น้ำผึ้งจากผึ้งหลวงแท้ๆ ไม่ผสมไร้สารเคมีเจือปน ผึ้งหลวงเป็นผึ้งที่ทำรังอยู่ตามป่าธรรมชาติ อาศัยน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ป่า มูลนิธิอัตภ์พอเพียงมีพื้นที่โครงการต้นแบบอยู่ ณ อ.นาน้อย จ.น่าน พัฒนาอาชีพเกษตรกรในโครงการให้เลี้ยงผึ้งหลวงอย่างเป็นตามธรรมชาติมากที่สุดดังนั้นน้ำผึ้งที่ได้มาจึงเป็นน้ำผึ้งดิบแท้ๆ ไร้สารเคมีเจือปน และนำออกจำหน่ายไม่มีการผสมสิ่งอื่นแต่อย่างใด ให้ผลและคุณค่าทางสรรพคุณยาได้อย่างสมบูรณ์
สารระน่ารู้จากน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งแบ่งออกเป็น 5 ชนิด
1. น้ำผึ้งเดือนห้า (ปลายเมษายน-ปลายพฤษภาคม)
คือน้ำผึ้งที่หายากที่สุดใน 1 ปี มีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น น้ำผึ้งเดือนห้าจะมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวในช่วง ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกๆ ปี ความหวานของน้ำผึ้งและคุณค่าของน้ำผึ้งเดือนห้าจะมีคุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาสูงที่สุด สาเหตุหลักมาจากปริมาณความชื้นในอากาศในเดือนห้ามีน้อยมากมีค่าเฉลี่ยความชื้นต่ำกว่า 21% ทำให้ความเข้มข้นของน้ำผึ้งมีมาก ประกอบกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้มีเกสรดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดในน้ำผึ้ง น้ำผึ้งเดือนห้านี้ ต่อ 1 รวง อาจได้น้ำผึ้งเพียง 1-5 ขวดเท่านั้น จึงทำให้น้ำผึ้งเดือนห้าเป็นน้ำผึ้งที่มีราคาสูงที่สุด ราคาอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่ที่ชนิดของน้ำผึ้งและความแล้งของฤดูในปีนั้นๆ
2. น้ำผึ้งชันโรง คือน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งจิ๋วตามวิถีแห่งธรรมชาติที่มีพฤติกรรมเก็บน้ำหวานจากดอกไม้และละอองเกสร (เรณู) มาใช้เป็นอาหารคล้ายผึ้งแต่ชันโรงไม่มีเหล็กใน จึงไม่สามารถ ต่อยได้ในประเทศไทยเราสามารถพบชันโรงได้ในทุกภาค โดยมีชื่อเรียกแตกต่าง กันไปตามภูมิภาค เช่น ทางภาคเหนือเรียกชันโรงที่มีขนาดเล็กว่า แมลงขี้ตึง หรือ ตัวขี้ตังนีแต่ถ้าเป็นชันโรงที่มีขนาดใหญ่จะเรียกว่า ขี้ย้า โดยเรียกว่า ขี้ย้าดำ หรือ ขี้ย้าแดงตามสีของลำตัวของชันโรงภาคใต้เรียกชันโรงขนาดเล็กว่าอุงหรืออุงแมลงโลม และเรียกชันโรงขนาดใหญ่ว่าอุงหมี(อุงแดง หรืออุงดำ) ภาคตะวันตกเรียกตัวตุ้งติ้ง หรือตัวติ้ง จากพฤติกรรมการขนเกสรที่ขาหลัง ส่วนภาคตะวันออกเรียกชำมะโรง หรือแมลงอีโลม ส่วนคำว่าชันโรงน่าจะเป็นชื่อที่เรียกจากพฤติกรรมการเก็บชันของ แมลงชนิดนี้ส่วนการจำแนกทางวิทยาศาสตร์นั้น ชันโรงถูกจัดไว้ดังนี้ (Michener, 2000) วงศ์(Family) Apidae วงศ์ย่อย (Subfamily) Apinae ไทร์บ (Tribe) Melipon) ทำน้ำผึ้งชันโรง มีความเข้มข้นสูง หนึ่งรังจะได้น้ำผึ้งมาเพียง 1-2 ขวด จึงทำให้น้ำผึ้งชันโรงมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ที่ขวดละ 1,200-1,500 บาท
3. น้ำผึ้งจากรังผึ้งหลวง คือน้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งขนาดใหญ่เพียงรังเดียวที่ทำรังบนต้นไม้ และ สะสมน้ำผึ้งจากเกสรดอกไม้ป่านานาชนิดตามวิถีแห่งธรรมชาติ ทำให้น้ำผึ้งจากรังผึ้งหลวงมีความเข้มข้นสูง ราคาอยู่ที่ขวดละ 800-900 บาท ขึ้นอยู่กับฤดูกาล
4. น้ำผึ้งจากรังผึ้งโพลง คือน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งที่ทำรังในโพลงดิน หรือ ต้นไม้ที่มีลักษณะเป็นโพรง หรือ จอมปลวกร้าง ตามวิถีธรรมชาติ ผึ้งโพรงจะทำรังไม่เหมือนผึ้งชนิดอื่นโดยในแต่ละโพรงจะมีรวงผึ้งอยู่เป็นจำนวนมากหลายๆรวง ราคาอยู่ที่ขวดละ 600-700 บาท ขึ้นอยู่กับฤดูกาล
5. น้ำผึ้งจากฟาร์มผึ้งเลี้ยง คือน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งในฟาร์ม น้ำผึ้งชนิดนี้ความเข้มข้นจะต่ำที่สุดเนื่องจากผึ้งเลี้ยงในฟาร์มจะได้น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ชนิดเดียวขึ้นอยู่ที่ฟาร์มเลี้ยงผึ้งนั้นจะปลูกต้นไม้ชนิดไหนไว้ เช่น ลำไย เป็นต้น ราคาอยู่ที่ขวดละ 200-300 บาท
** น้ำผึ้งจากร้านชมพู-ภูคา มีเฉพาะ น้ำผึ้งเดือนห้า , น้ำผึ้งชันโรง, น้ำผึ้งจากรังผึ้งหลวง , น้ำผึ้งจากรังผึ้งโพลง ที่เลี้ยงด้วยวิถีแห่งธรรมชาติเท่านั้น**
"น้ำผึ้ง" มีสารแอนติออกซิเดนท์ (Antioxidant) หรือสารต้านอนุมูลอิสระอุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพดื่มเป็นประจำทุกช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ จึงทำให้ "น้ำผึ้ง" กลายเป็น "ยาอายุวัฒนะ" แห่งการชะลอวัยและสามารถปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากรังสียูวีที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวแก่ก่อนวัยและมะเร็งผิวหนัง ช่วยยืดอายุการชราของผิว มีสรรพคุณในการกักเก็บน้ำให้ความชุ่มชื้นไว้กับผิว ต้านความระคายเคืองผิว คงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณและร่างกาย..
ส่วนประกอบทางเคมี น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นสารผสมของน้ำตาลกับสารประกอบอื่น น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นฟรุกโทส (ราว 38.5%) และกลูโคส (ราว 31.0%) ทำให้น้ำผึ้งคล้ายกับน้ำเชื่อมน้ำตาลอินเวิร์ท (inverted sugar syrup)ที่ผลิตเชิงสังเคราะห์ ซึ่งมีปริมาณฟรุกโทส 48% กลูโคส 47% และซูโครส 5% คาร์โบไฮเดรตที่เหลือในน้ำผึ้งมีมอลโทสและคาร์โบไฮเดรตซับซ้อนอื่นๆ เช่นเดียวกับสารให้ความหวานที่บำรุงสุขภาพทุกชนิด น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลและมีวิตามินหรือแร่ธาตุอยู่เล็กน้อย น้ำผึ้งยังมีสารประกอบหลายชนิดในปริมาณน้อยซึ่งคาดกันว่าทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงไครซิน พิโนแบค์ซิน วิตามินซี คาตาเลสและพิโนเซมบริน องค์ประกอบที่เจาะจงของน้ำผึ้งแต่ละกลุ่มนั้นขึ้นอยู่กับดอกไม้ที่ผึ้งใช้ผลิตน้ำผึ้ง
ค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ระหว่าง 31 ถึง 78 แล้วแต่ชนิด น้ำผึ้งมีความหนาแน่นราว 1.36 กิโลกรัมต่อลิตร (หนาแน่นกว่าน้ำ 36%)
แหล่งข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/น้ำผึ้ง สืบค้นเมื่อ 07-05-2015
เกร็ดความรู้ในการในการรักษาโรคด้วยน้ำผึ้ง
อดนอน น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมมะนาว 1 ลูก เกลือเล็กน้อยชงกับน้ำอุ่น หรือ น้ำผลไม้ 1 แก้ว ดื่มก่อนนอน
ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มเป็นประจำทุกวัน เช้า หรือ ก่อนนอน
นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ(ตำละเอียด) น้ำมะนาว ½ ลูก เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ - 1 ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น ½ - 1 ถ้วย เกลือเล็กน้อย ดื่มวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว
เด็กแหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกมื้ออาหาร
ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื้อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนน้ำ ชำระล้างแผล ให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล / หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้ง +น้ำสุกที่ เย็นแล้วใช้พอกฝี
แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะเป็นประจำก่อนนอน
ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ
คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำทุกวันก่อนนอน
ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนชา ผสมนมดื่มเป็นประจำ
เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%) น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา
โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ต่อ น้ำ 1ถ้วย
แหล่งข้อมูลจาก https://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20120130212327AA2pCcN สืบค้นเมื่อ 07-05-2015
บำบัดเบาหวาน ส่วนผสม: สาลี่หอมหรือสาลี่หิมะจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม
วิธีทำ: ปอกเปลือกสาลี่แล้วตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว บรรจุใส่ขวด
วิธีกิน: ผสมน้ำกิน ช่วยแก้อาการไอและบำบัดโรคเบาหวานได้
ลดความดันโลหิตสูง ส่วนผสม: น้ำผึ้งและงาดำ อย่างละ 50 กรัม
วิธีทำ: ตำงาดำให้ละเอียดแล้วคลุกกับน้ำผึ้ง
วิธีกิน: ชงกับน้ำร้อนดื่มรักษาโรคความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการท้องผูกเรื้อรัง
ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
สำหรับผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ
แหล่งข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/น้ำผึ้ง สืบค้นเมื่อ 07-05-2015
คุณประโยชน์ และ สรรพคุณของน้ำผึ้ง
1. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
3. ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
4. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ
5. พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่นและนุ่มนวล หลังล้างหน้าเสร็จให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
6. ช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าที่แห้งแตกลอกเป็นขุย ด้วยการนำไข่แดง 1 ฟองผสมกับน้ำผึ้งผสม 1 ช้อน คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
7. ช่วยบำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
8. ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนัง
9. ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสวยเงางาม หลังสระผมเสร็จให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก
10. ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
11. ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตันบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
12. นิยมนำมาใช้ผสมในเครื่องต่างๆ เช่น นม ชา กาแฟ โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งเบียร์หรือไวน์
13. นำมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ธัญญพืชต่างๆ
14. ใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดในน้ำสลัด ซึ่งจะทำให้น้ำสลัดไม่เสียและเก็บได้นานถึง 9 เดือน
15. น้ำผึ้งสามารถนำแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลายเช่น มาส์กหน้า สบู่ เจลล้างหน้า สครับ เป็นต้น
16. น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
17. ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้านทานโรคต่างๆได้ดี
18. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
19. ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
20. ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
21. ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ
22. ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆให้ดีขึ้น
23. ช่วยในควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
24. ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย ด้วยการใช้น้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว แล้วบีบมะนาว ๅ ซีก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเติมน้ำร้อนดื่ม
25. ช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น
26. น้ำผึ้งสามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดในเด็กได้ดีกว่ายาแก้ไอ
27. ช่วยรักษาอาการเมาค้าง
28. ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
29. น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยาระงับประสาทอ่อนๆ จึงช่วยลดอาการหงุดหงิด ความกังวลได้
30. ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ และช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น
31. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้น้ำผึ้งและงาดำอย่างละ 50 กรัม โดยนำงาดำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้ง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
32. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้สาลี่หอมจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม โดยปอกลูกสาลี่แล้วนำมาตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว แล้วนำมาผสมกับน้ำกิน
33. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง
34. ช่วยบำรุงหัวใจ ขับชีพจร และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
35. ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ
36. ช่วยระงับความร้อนในร่างกาย
37. ช่วยรักษาอาการตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น กระจกตาอักเสบ เยื่อตาอักเสบ เป็นต้น
38. ช่วยบรรเทาอาการไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ ด้วยการชงดื่มกับน้ำมะนาว
39. น้ำผึ้งช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะน้ำผึ้งจะถูกดูดซึมทันทีเมื่อถึงลำไส้ ซึ่งต่างจากน้ำตาลชนิดอื่น
40. ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
41. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง
42. ช่วยแก้อาการท้องเดิน และช่วยบำรุงลำไส้ที่อักเสบให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
43. ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา (Candida) ได้ดีพอๆกับยาฆ่าเชื้อแผนปัจจุบัน
44. ช่วยแก้อาการเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ เพราะช่วยดูดความชื้นและช่วยอุ้มน้ำไว้
45. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำกระเทียมผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
46. ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ ด้วยการใช้น้ำส้มนำมาผสมกับแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละสองครั้ง
47. ช่วยแก้อาการตะคริว หรือป้องกันการเป็นตะคริว
48.
ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มกับน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกลงได้
49. ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล
50. ช่วยป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลและช่วยให้แผลหายเร็ว
51. ช่วยรักษาโรคฮ่องกงฟุต และกลาก เกลื้อน
52. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและต่อต้านจุลินทรีย์
53. ช่วยแก้ปัญหาเด็กแหวะนม โดยใช้น้ำผึ้งผสมกับนมดื่ม
54. ใช้เป็นน้ำกระสายยา
แหล่งข้อมูลจาก http://frynn.com/น้ำผึ้ง สืบค้นเมื่อ 07-05-2015